วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

เคล็ดลับความงาม

สุขภาพและผิวของเรานั้นเป็นส่วนที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เราควรตระหนัก และดูแลเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี และปลอดภัย จากสภาวะมลพิษที่เราต้องเผชิญอยู่เป็นประจำ เราควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเราและหาวิธีหรือแนวทางการแก้ไขอย่างถูกต้องเพื่อให้ได้ผิวพรรณและสุขภาพที่ดี

อ่อนกว่าวัยด้วยการล้างสารพิษ
ทั้งชายและหญิงถ้าใครมีสุขภาพดี ผิวพรรณดี สดใส และถ้ารูปร่างดีใส่เสื้อผ้าชุดไหนก็ดูดี ถือว่ามีชัยนำหน้าคนอื่นแล้วแต่จากสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยมลภาวะ มีสิ่งปนเปื้อนและสารเคมีตกค้างในอาหาร  ทำให้ร่างกายเราเป็นแหล่งสะสมสารพิษ เกิดผลเสียต่อสุขภาพทั้งภายในภายนอกตามมา เคล็ดลับที่จะนำมาฝากในครั้งนี้ คือ สุขภาพดีจากข้างใน ดูอ่อนกว่าวัย ด้วยการล้างสารพิษ
-         รับประทานอาหารประเภทผักและผลไม้ทั้งวัน เช่น ดื่มน้ำผักและผลไม้ทั้งวัน หรือทั้งรับประทานทั้งดื่ม อาหารประเภทนี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยชะล้างพิษที่คั่งค้างอยู่ในร่างกายได้
- ให้เลือกรับประทานผักที่มีกากใยสูง หรือผลไม้ที่สารต่อต้านอนุมูลอิสระได้แก่ ผลไม้ที่มีสี เช่น ส้ม  ฟักทอง ข้าวโพด ผักโขม เป็นต้น
- ตื่นนอนตอนเช้ารับประทานน้ำ โดยใช้น้ำเปล่า 1 ลิตร 2 ขวด  + มะนาว 4 ลูก + เกลือ 2 ช้อนชา ค่อยดื่มไปเรื่อยๆ  การดื่มน้ำผสมมะนาวจะช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวและขับสารพิษออกมาทางอุจจาระ
การล้างสารพิษอาจจะทำทุก 1 หรือ 2 สัปดาห์ เพื่อการมีสุขภาพที่ดี ผิวพรรณสดใส ดูอ่อนกว่าวัย แต่ต้องทำอย่าง สม่ำเสมอนะคะจะได้เห็นผลเร็ว

 สุขภาพดีด้วยการดื่มน้ำ
 ร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว น้ำ ถือเป็นสารอาหารอย่างหนึ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้ เพราะน้ำเป็นส่วนสำคัญในการทำปฏิกิริยาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกาย เช่น การย่อย การดูดซึม การไหลเวียนของสารอาหาร การขับถ่ายของเสีย เป็นต้น ปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 1 ลิตรครึ่งถึง 2 ลิตร ปกติร่างกายได้รับน้ำจากที่เราดื่มเป็นแก้วๆ และได้น้ำที่ปนอยู่กับอาหารที่เรารับประทาน 
 การดื่มน้ำที่สะอาดเพียงพอในแต่ละวันจะช่วยทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ปกติ จึงส่งผลสุขภาพร่างกายภายในดี นอกจากนี้ยังส่งผลมายังสุขภาพร่างกายภายนอก คุณจะพบว่าผิวกายจะสดใส เปล่งปลั่งไม่เหี่ยวย่น ใบหน้าชุ่มชื่น นัยน์ตาสดใสเป็นประกายเพราะมีน้ำมาหล่อเลี้ยง


        วิธีการดื่มน้ำสะอาดให้สุขภาพดีเพื่อเป็นต้นทุนของบุคลิกภาพที่ดี ตื่นนอนตอนเช้าประมาณ 1 แก้ว(แนะนำเป็นน้ำอุ่นจะช่วยทำให้การขับถ่ายดีขึ้น)
ตอนสายประมาณ  2 แก้ว ตอนบ่ายประมาณ  3 แก้ว ตอนเย็นประมาณ   3 แก้ว ก่อนนอนประมาณ 1 แก้ว (แนะนำเป็นน้ำอุ่นจะช่วยทำให้นอนหลับสบายมากขึ้น)
การดูแลผิวช่วงหน้าฝน
เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนและอากาศที่อับชื้น จะพบว่าแต่ละคนมีโอกาสเป็นโรคผิวหนังหลายชนิดเกิด โรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เช่น โรคกลาก เกลื้อน โรคติดเชื้อราที่บริเวณขาหนีบ โรคน้ำกัดเท้า โรคเท้าเหม็น เป็นต้น

วิธีดูแลผิวพรรณเพื่อป้องกันโรคผิวหนังที่มากับช่วงฤดูฝน


  • หลีกเลี่ยงการเหยียบย่ำน้ำ กรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องเดินผ่านบริเวณน้ำขัง หลังจากถึงที่พักหรือที่ทำงานแล้ว ควรรีบล้างทำความสะอาดร่างกายหรือเท้าทันที
  • หลังทำความสะอาดร่างกาย การใช้แป้งฝุ่นโรยตัวหรือโรยบริเวณที่อับชื้นง่าย ช่วยลดความชื้นได้และความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้
  • การสวมใส่รองเท้าแตะบ้างก็ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อราที่เท้าได้ แต่อย่าลืมว่าต้องให้เหมาะสมกับสถานที่หรืองานที่จะไปด้วย
  • กรณีที่ต้องใช้ถุงเท้า แนะนำให้ใช้ถุงเท้าที่บางและที่ไม่คับเกินไป เพื่อลดความชื้นสะสมที่เท้า
  • การเลือกใช้เสื้อผ้าโดยเฉพาะกางเกง แนะนำผ้าที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายที่บางซึ่งจะระบายอากาศได้ หลีกเลี่ยงผ้าที่หนาเพื่อลดการเกิดความชื้นและการสะสมเชื้อโรคที่อาจจะก่อให้เกิดโรคผิวหนัง เช่น ที่บริเวณขาหนีบ และอวัยวะเพศได้
กรณีที่เกิดโรคผิวหนังขึ้นแล้วต้องพยายามรีบทำการรักษาโดยทันทีอย่าปล่อยให้ลุกลาม แต่ที่สำคัญต้องพยายามหลีกเลี่ยงสาเหตุการเกิดโรคดีที่สุด

ตาคล้ำจากการนอนดึก
 ช่วงนี้หลายๆ คนอาจจะนอนดึกบ่อยต่อเนื่องกันหลายวัน สาเหตุที่ต้องนอนดึกอาจเนื่องมาจากต้องทำงานที่ยังค้างให้เสร็จเรียบร้อย หรือบางคนช่วงนี้ที่นอนดึกเพราะรอเชียร์ฟุตบอลโลกคู่โปรด ปัญหาอย่างหนึ่งที่ตามจากอาการนอนน้อยเกี่ยวกับด้านความสวยงามคือ เกิดรอยหมองคล้ำใต้ตา
รอยคล้ำเกิดจากมีการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดฝอยบริเวณใต้ดวงตา อาจจะเกิดจากการไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ตาบกพร่อง ทำให้ขาดออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง เซลล์เม็ดเลือดบริเวณผิวใต้ตาจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง หรืออาจจะเกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ตาเปราะบาง และมีเลือดซึมออกมาบริเวณเซลล์ผิวรอบนอก ทำให้บริเวณผิวใต้ตาเปลี่ยนเป็นสีดำ
         
สำหรับวิธีที่ช่วยลดรอยหมองคล้ำรอบดวงตามีหลากหลายวิธีที่สามารถทำกันได้ง่าย ๆ เบื้องต้น เช่น
วิธีที่ 1 การใช้ถุงชาร้อน
      -
หลังตื่นนอนตอนเช้าให้นำถุงชาอุ่นๆ มาปิดไว้ที่รอบดวงตานานประมาณ 10 นาที จะช่วยลดความหมองคล้ำและถุงใต้ตาลงได้
วิธีที่ 2 การใช้มันฝรั่ง
      -
นำมันฝรั่งล้างให้สะอาดแล้วฝานเป็นแผ่นบางๆ หลังจากนั้นนำมันแผ่นมันฝรั่งมาไว้บนบริเวณใต้ตาที่คล้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ในมันฝรั่งมีเอนไซม์ (Enzyme) ที่ทำให้ความหมองคล้ำดูจางลงได้ จะช่วยทำดวงตากระจ่างใสขึ้น
วิธีที่ 3 การใช้แตงกวา
      -
นำแตงกวาล้างสะอาดแล้วนำไปคั้นเอาเฉพาะน้ำ หลังจากนั้นใช้น้ำคั้นผลแตงกวา 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำคั้นมันฝรั่ง 1 ช้อนโต๊ะ ทารอบบริเวณตาที่คล้ำทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จะช่วยลดถุงดำใต้ตาได้
        วิธีที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นตัวอย่างการแก้ไขความหมองคล้ำใต้ตาเบื้องต้น กรณีที่บางคนต้องออกไปนอกบ้านหรือไปทำงานก็อาจจะต้องอาศัยเครื่องสำอางและเทคนิคการแต่งหน้าเพิ่มเติม แต่ที่สำคัญถ้าหากไม่จำเป็นก็ไม่ควรนอนดึกจะดีกว่าค่ะเพราะเป็นการแก้ไขปัญหารอยหมองคล้ำใต้ตาที่ต้นเหตุโดยตรง

สุขภาพกับกลิ่นตัว
ในช่วงหน้าร้อนและใกล้จะถึงหน้าฝนอย่างนี้ อากาศที่ร้อนอบอ้าว อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาร่างกายภายนอก ที่เห็นเด่นชัดคือมีเหงื่อมากเกิดความความอับชื้นขึ้น ผิวหนังบางตำแหน่ง จะมีน้ำมันปนออกมาหากมีเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา มาย่อยสลายน้ำมันและเซลล์ผิวหนัง ปัญหาที่ตามมาคือทำให้เกิดกลิ่นตัวได้เร็วและแรงขึ้น


 ความอับชื้น อาจจะทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์บริเวณจุดซ่อนเร้นด้วย โดยเฉพาะในผู้หญิง บางคนที่มีปัญหามากๆ แล้วไม่ดูแลตัวเองอาจจะส่งผลต่อบุคลิกภาพอย่างมาก รวมถึงอาจจะทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ถึงขั้นเอามือขึ้นมาปิดจมูกหรือทำท่ารังเกียจไม่อยากเข้าใกล้คุณ ดังนั้นจึงมีวิธีลดกลิ่นตัวอันไม่พึงประสงค์เบื้องต้นมาฝาก ดังนี้
- หลังอาบน้ำควรเช็ดผิวทุกส่วนให้แห้ง โดยเฉพาะส่วนที่เป็นข้อพับและจุดซ่อนเร้น
   -
ผู้ที่มีปัญหากลิ่นตัวบริเวณรักแร้แรง ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันกลิ่นตัว ชนิดที่มีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
   -
ผู้หญิงที่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ออกมาจากบริเวณจุดซ่อนเร้น ในช่วงนี้แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ที่มีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
   -
ในช่วงที่อากาศร้อน ๆ ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่โปร่งระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่นจนเกินไป  
   -
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรงประเภทเครื่องเทศ เช่น หอม กระเทียม
   -
กรณีที่กลิ่นตัวคล้ายแอมโมเนียให้ลดอาหารโปรตีน เช่น เนื้อ ปลา ไก่ นม ผลิตภัณฑ์นม ถั่ว ให้น้อยลง
 เพียงใส่ใจในรายละเอียดสุขอนามัยเล็กๆน้อยๆ อย่างสม่ำเสมอเท่านี้ก็จะช่วยแก้ปัญหากลิ่นตัวได้

การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
ในช่วงหน้าร้อนนี้ทุกคนอาจจะหลีกเลี่ยงแสงแดดได้ยาก และปัจจุบันนี้จะพบว่าแสงแดดจะแรงมาก รวมทั้งมลภาวะต่าง ๆ อีกมายมาย ผลเสียที่ตามมา คือ ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระได้ง่าย ในระยะยาวก็อาจจะทำให้เกิดผิวเสื่อมสภาพก่อนวัย ซึ่งเป็นเรื่องที่สาว ๆ ส่วนใหญ่กลัวและเป็นกังวลกันที่สุด ดังนั้นจึงขอแนะนำเคล็ดลับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อคงความอ่อนวัยของผิวพรรณให้ยาวนานดังนี้ ขั้นแรกคือต้องรู้จักป้องกัน เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดโดยเฉพาะในช่วงตอนกลางวัน
        
ขั้นที่สองคือ ต้องมีการบำรุงหรือฟื้นฟูและปกป้องผิว ด้วยสารต่าง เช่น สารที่ให้บำรุงผิวให้ความชุ่มชื้น สารช่วย ป้องกันสารต่อต้านอนุมูลอิสระลดการเกิดริ้วรอย  เช่น วิตามินเอ ซี อี แนะนำทั้งในช่วงตอนกลางวันและตอนกลางคืน การเลือกการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดมีคำแนะนำเบื้องต้นดังนี้
 1. ควรเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ป้องกันได้ทั้ง UVB และ UVAถ้าต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า Sun Protection Factor (SPF) เป็นค่าที่ได้จากการทดลองที่บอกว่าผิวจะอยู่กลางแดดนานแค่ไหนโดยไม่ทำให้ผิวไหม้หรือแสบร้อน) และ ค่า Protection Grade of UVA (PA) เป็นค่าวัดระดับการปกป้องรังสียูวีเอ ที่สูงขึ้น เช่น ผู้ที่ทำงานในอาคารและเดินทางโดยไม่ต้องถูกแสงแดดมากสามารถทา ครีมกันแดด SPF 6 - 14 ผู้ที่ต้องเดินทางนอกสถานที่เป็นประจำ ควรเลือก ครีมกันแดด SPF ระหว่าง 15 – 29 ผู้ที่ไปเที่ยงกลางแจ้ง ควรทา ครีมกันแดด ที่มี SPF สูงๆ

         2.
ปริมาณการใช้ต้องเหมาะสม คือทาให้ทั่วใบหน้าหรือลำตัว ตามหลักวิชาการระบุว่าควรทากันแดดหนาประมาณ 2 มิลลิกรัมต่อ 1 ตร.ซม. โดยที่ควรทาก่อนออกแดด15 - 30 นาที และควรทาซ้ำทุก 2 - 3 ชั่วโมง

         3.
เลือกให้เหมาะกับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข โดยดูที่ส่วนส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ จะบ่งบอกถึงคุณสมบัติ และ ผลการใช้ผลิตภัณฑ์

         4.
เลือกรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับลักษณะผิว ผิวมัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทีมีเนื้อบางเบา  เช่น โลชั่น หรือ ซีรัม ผิวธรรมดาควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดที่มีเนื้อไม่เข้มข้นหรือบางเบาจนเกินไป ผิวผสมสามารถใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ที่มีผิวธรรมดาได้ ผู้ที่มีผิวแห้ง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เนื้อครีมเข้มข้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว  แต่ถ้าช่วงอากาศร้อนอาจต้องเลือกใช้ชนิดที่บางเบากว่าปกติ

คนอ้วนกับผิวแตกลาย
 คนอ้วนหลายท่านมักจะขาดความมั่นใจในตัวเองในหลายเรื่อง เช่น เรื่องบุคลิกภาพ กายแต่งกายโดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้า ปัญหาผิวหนัง (ปัญหาผิวแตกลาย ปัญหาผิวคล้ำดำบริเวณที่เป็นรอยพับ) ปัญหาเรื่องผิวพรรณถือว่าจะทำให้คนอ้วนกังวลใจมากโดยเฉพาะผู้หญิง รวมทั้งเรื่องของปัญหาสุขภาพที่คนอ้วนมีโอกาสเสี่ยงเป็นที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับภาวะอ้วน เช่น โรคระบบหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ความดัน แต่จริง ๆ แล้วคนที่อ้วนสามารถที่จะสวยได้อย่างมั่นใจมีบุคลิกภาพที่ดีได้ เช่น ในเรื่องของการแต่งกายในปัจจุบันก็จะมีร้านเสื้อผ้าสำหรับคนอ้วนโดยเฉพาะมากมาย พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาเรื่องเสื้อผ้า การแต่งกายได้ สำหรับปัญหาเรื่องผิวหนังมีเคล็ดลับแนะนำการการรักษาเบื้องต้น ต้องเช็ดทำความสะอาดผิวบริเวณนั้นให้แห้งอยู่เสมอ และทาผลิตภัณฑ์ที่มี ส่วนผสมกับของ  AHA หรือไวน์เทนนิ่ง ครีม เพื่อช่วยให้ผิวที่คล้ำดำนั้นดูจางลง

คนที่อ้วนผิวตรงบริเวณรอยพับมักจะดำได้ง่ายมาก เช่น รักแร้ ข้อพับ คอ ขาหนีบ เช่น รักแร้ดำที่เกิดในคนอ้วนนั้นเกิดจากหนังบริเวณรักแร้หนาขึ้น เกิดการเสียดสีของผิวหนังบริเวณรอยพับได้ง่ายและบ่อย นอกจากนี้บริเวณนั้นจะเกิดการอับชื้นขึ้น มีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื่อที่ก่อโรคผิวหนังง่าย วิธีดูแลและการรักษาก็คือ ต้องเช็ดทำความสะอาดผิวบริเวณนั้นให้แห้งอยู่เสมอ และทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมกับของ  AHAหรือไวน์เทนนิ่ง ครีม เพื่อช่วยให้ผิวที่คล้ำดำนั้นดูจางลง แต่มีข้อแนะนำว่าอย่าใช้เปอร์เซ็นต์สูงมากเพราะผิวบริเวณนี้บอบบางอาจจะมีโอกาสแพ้ได้ง่าย แต่ถ้ามีความผิดปกติ เช่น คันเป็นประจำ หรือรอยที่ผิวลอกกลายเป็นวง แดงๆขาวๆที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ ควรไปพบแพทย์ทันที
สำหรับคนอ้วนหรือคนที่ไม่อ้วนจะให้ดีที่สุดควรจะให้สวยทั้งภายนอกและภายใน การดูตัวเองภายนอกดังตัวอย่างที่แนะนำเบื้องต้น สำหรับสวยจากภายในคือ การดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดี คือการควบคุมน้ำหนักให้ได้ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาทั้งหมด ควรออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดการเกิดโรคแทรกซ้อนที่ตามมากับความอ้วน
สุขภาพกับการนอน

เคล็ดลับการทำให้ผิวสวย อยู่ในธรรมชาติ อย่างการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ บวกกับเคล็ดลับสูตรธรรมชาติอีกนิด ที่จะทำให้ผิวและผมได้บ่มสวยไปตลอดคืน

ก่อนนอนกับผิวหน้า
การดูแลผิวหน้าก่อนนอนสำคัญไม่น้อย ฉะนั้นแล้วควรให้เวลาสักหน่อยกับขั้นตอนต่างๆ ไม่ว่า การเช็ดล้างเครื่องสำอางให้หมดจด การล้างทำความสะอาด การโทนนิ่ง และการบำรุงด้วยครีมที่เหมาะกับสภาพผิว (และสครับบ้างในเวลาที่เหมาะสม) หากผิวแห้ง ลองเติมความชุ่มชื่นก่อนนอนด้วยเฟเชียล สเปรย์ก่อนลงครีมบำรุง เพื่อให้ผิวได้มีน้ำหล่อเลี้ยงไปทั้งคืน
ก่อนนอนกับริมฝีปาก
ลืมไปหรือเปล่า ว่าริมฝีปากเป็นอวัยวะที่แห้งง่ายยิ่งกว่าผิวหน้าเสียอีก บางคนถึงกับปากลอกทุกครั้งที่ตื่นนอนทีเดียว เพราะฉะนั้นควรบำรุงง่ายๆ ก่อนนอนด้วยการทาลิปบาล์มแบบไม่มีสี ไม่มีกลิ่นทุกครั้ง และให้เวลากับการสครับริมฝีปากสักอาทิตย์ละครั้งด้วยแปรงนุ่มๆ และตามด้วยการบำรุง
ก่อนนอนกับรอบดวงตา
ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาราคาแพงแค่ไหนก็ไม่ได้ดั่งใจเสียที นั่นก็เพราะเคล็ดสำคัญนั้นอยู่ที่การนอนนี่เอง กับการนอนอย่างเพียงพอ และบำรุงอย่างเป็นธรรมชาติด้วยการนำสำลีไปจุ่มน้ำดอกกุหลาบ หรือน้ำแตงกวา แล้วมาโปะผิวรอบดวงตาสัก 10 นาทีก่อนนอนโดยไม่ต้องล้างออกที่ยังทำให้สดชื่นผิวอีกด้วย
ก่อนนอนกับเส้นผม
ลองเปลี่ยนเวลาหมักผมเป็นเวลานอนดีไหม กับการหมักน้ำมันที่ดีต่อเส้นผมอย่างน้ำมันมะกอก น้ำมันอัลมอนด์ หรือน้ำมันมะพร้าวให้ทั่วเส้นผม (เลี่ยงบริเวณหนังศีรษะ) แล้วคลุมด้วยหมวกพลาสติก เมื่อตื่นให้นวดน้ำมันให้ทั่วอีกครั้งพร้อมนวดหนังศีรษะ สระออกแล้วบำรุงตามปกติ จะพบว่าผมนุ่มสลวยกว่าที่เคยจริงๆ
ก่อนนอนกับเท้า
หากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน การอาบน้ำก่อนนอนคืนนี้ ลองแช่เท้าด้วยน้ำอุ่นเป็นการผ่อนคลายหน่อยเป็นไร ถ้าให้ดีลองเติมเกลือหอมลงไปอีกนิด ขัดเท้าด้วยแปรงนุ่มๆ อีกหน่อย ซับให้แห้งแล้วนวดถูด้วยครีมบำรุงที่ให้กลิ่นผ่อนคลาย ชวนหลับง่ายทั้งจากการนวดและการสูดดมกลิ่นหอมอ่อน
         ปฏิบัติตามสูตรสวยแบบศีรษะจรดปลายเท้าได้ตามนี้แล้ว ก็รับรองได้เลยว่าคุณจะได้ทั้งการนอนหลับแสนสบาย และตื่นมาด้วยความสุขและสวยด้วย

สุขภาพผิวกับฤดูหนาว

ใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วนะครับ เราลองมาดูวิธีการดูแลรักษาผิวพรรณ ในฤดูหนาวกันดีกว่า ปัญหาเรื่องผิวพรรณที่มักจะมากับฤดูหนาวก็คือเรื่องของผิวแห้ง
          ผิวแห้งเกิดได้จากหลายสาเหตุ อย่างแรกที่เกี่ยวกับผิวโดยตรงก็คือ ระดับน้ำในชั้นใต้ผิวซึ่งตามปกติจะอยู่ราว 10-20 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อไหร่ที่ลดลงเหลือน้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ผิวจะจะเริ่มแห้งจนสังเกตได้ หรืออาจจะเป็นเพราะผิวขาดความชุมชื้น ต่อมผลิตไขมันทำงานลดลง ชั้นผิวก็เลยแห้งจนเกิดเป็นริ้วรอยเล็กๆ หรือที่เรียกกันว่า fine line นอกจากนี้ผิวแห้งยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพแวดล้อมรอบตัว การดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง และรวมถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้นปัจจัยอื่น ๆ ที่ว่าส่งผลกระทบกับผิวอย่างไรถึงทำให้ผิวแห้งได้สภาพแวดล้อมจะส่งผลกระทบ ต่อผิวง่ายมาก เช่น ความชื้นในอากาศ อย่างวันที่อากาศแห้งเกินไป อากาศที่หนาวจัด หรือลมหนาว พวกนี้ทำให้ผิวแห้งทั้งนั้นโดยเฉพาะแสงแดด คนที่อยู่กลางแดดจัดๆ 


            เป็นเวลานานสังเกตุดูผิวจะเริ่มแห้งกร้าน ถ้าไม่มีการทาครีมกันแดดผิวก็จะเริ่มแห้งลงเรื่อยๆและก่อให้เกิดริ้วรอยที่ชัดเจนมากขึ้น หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่หรือมีชีวิตประจำวันอยู่ในเมือง ผิวจะแห้งได้ง่าย เพราะมลภาวะต่างๆ ในเมืองไม่ค่อยบริสุทธิ์นัก ทำให้ผิวถูกทำลายอยู่ตลอดเวลา หรืออย่างเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน อากาศข้างบนจะแห้ง  ดังนั้นคนที่เดินทางโดยเครื่องบินบ่อย ๆ จึงต้องมีครีมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ติดตัวไว้ เพื่อคอยบำรุงผิวหน้าและมือตลอดการเดินทาง
           การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า และผิวกาย ที่เหมาะสมกับในฤดูหนาว ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื่น มีน้ำมีนวลอยู่เสมอ ไม่แห้งกร้าน คุณสมบัติที่ควรคำนึงถึงโดยทั่วไปมีดังนี้ครับ
          1. ไม่มีฟอง เป็นผลิตภัณฑ์ที่เมื่อใช้ล้างหน้าแล้ว ยังอยู่สึกว่าหน้าลื่นอยู่ เพราะจะได้ไม่ทำให้มีผิวหน้าที่แห้งมากเกินไป การใช้ในครั้งแรกเราอาจแปลกใจว่า รู้สึกหน้าลื่นๆ แต่กลับสามารถชำระล้างสิ่งสกปรกบนใบหน้า ออกได้อย่างหมดจด เมื่อใช้ล้างหน้าจะสามารถชำระล้างสิ่งสกปรกบนใบหน้าโดยไม่ทิ้งสารตกค้างสะสมบนใบหน้า จึงไม่ทำให้ท่อทางเดินของต่อมไขมันอุดตัน ดังนั้นเมื่อใช้ล้างหน้าแล้ว หน้าจะไม่ค่อยแห้ง ไม่ลอกขุย น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติจึงไหลเวียนได้สะดวก ดังนั้นผิวหน้าจึงไม่แห้งมาก แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีฟองมาก ๆ บางชนิดกลับยิ่งทำให้ใบหน้าแห้งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสารเคมีที่อยู่ในฟองจะก่อให้เกิดสารตกค้างสะสมบนใบหน้า ทำให้ท่อทางเดินของต่อมไขมันอุดตัน น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติไหลเวียนไม่สะดวก ผิวหนังจะยิ่งแห้งมากขึ้น
          2. เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสม Moisturizer เพื่อคืนความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าและผิวกายของคุณ อย่างเช่น มีส่วนผสมของวิตามินอี ,Aloe vera , น้ำมันพิมโรส ฯ เพื่อบำรุงผิวพรรณตามธรรมชาติให้กลับมามีน้ำมีนวลเหมือนเดิม และช่วยสกัดกั้นการเกิดริ้วรอยอีกทางหนึ่ง
          3. สูตร pH Balanced ซึ่งมีค่าความสมดุลกรดด่างใกล้เคียงกับสภาพผิวตามธรรมชาติที่สุด ( ผิวหนังคนเรามี PH 5-5.5 ) จึงเหมาะสำหรับปกป้องผิวแห้งในยามอากาศหนาว หรือ อยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน เพราะสามารถรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิวไว้ได้ 

   การล้างหน้า พยายามใช้น้ำเย็น หรือน้ำธรรมดาล้างหน้า หลีกลี่ยงการใช้น้ำอุ่นล้างหน้า ล้างหน้าเช้า เย็น โดยที่ตอนเช้าอาจใช้แค่น้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว ยกเว้นถ้าท่านหน้ามันง่าย ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าตอนเช้าได้
          การทาครีมบำรุงผิว ควรทาครีมบำรุงผิวทุกครั้งหลังจากคุณล้างหน้า อาบน้ำ เสร็จเรียบร้อย ควรทาบริเวณใบหน้า ตัว แขน ขา วันละ 2 ครั้งคือ เช้าหรือเย็น เลือกครีมบำรุงผิวที่อ่อนโยนเหมาะกับผิวที่บอบบาง ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ว่าไม่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคือง ถ้าไม่แน่ใจว่าจะแพ้ครีมบำรุงผิวหรือไม่ ให้ลองทดสอบ โดยทาที่ท้องแขน ประมาณ 2 สัปดาห์ ถ้าแพ้ จะปรากฎผื่นแดง คัน เป็นเม็ดเล็กๆ ได้

          การทาครีมบำรุงผิว ควรทาครีมบำรุงผิวทุกครั้งหลังจากคุณล้างหน้า อาบน้ำ เสร็จเรียบร้อย ควรทาบริเวณใบหน้า ตัว แขน ขา วันละ 2 ครั้งคือ เช้าหรือเย็น เลือกครีมบำรุงผิวที่อ่อนโยนเหมาะกับผิวที่บอบบาง ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ว่าไม่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคือง ถ้าไม่แน่ใจว่าจะแพ้ครีมบำรุงผิวหรือไม่ ให้ลองทดสอบ โดยทาที่ท้องแขน ประมาณ 2 สัปดาห์ ถ้าแพ้ จะปรากฎผื่นแดง คัน เป็นเม็ดเล็กๆ ได้
          การทาลิปบาล์ม ลิปแคร์ ควรทาลิป บาล์ม ลิปแคร์ เป็นประจำทุกวัน ในช่วงฤดูหนาว ควรทาบ่อยขึ้น เช่น เช้า เย็น ก่อนนอน ควรทาลิปบาล์ม ก่อนทาลิปสติคทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ลิปสติคตกค้างที่ริมฝีปาก ดื่มน้ำให้มากๆ วันละอย่างน้อย 8 แก้ว หลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันที่แรงเกินไปในช่วงฤดูหนาว เพราะริมฝีปากมักจะแห้ง แตก ลอกขุยง่ายอยู่ แล้ว
          ลิปบาล์ม หรือลิปแคร์ที่ดี มักจะมีส่วนผสมของสาร Moisturizer เพื่อคืนความชุ่มชื่นให้กับริมฝีปาก เช่น Dimethicone, Vitamin E, Aloe vera, Lanolin ฯลฯ

การปฎิบัติตัวเมื่อท่านผิวแห้ง และเกิดอาการคันตามผิวหนัง
          เมื่อผิวหนังขาดความชุ่มชื้นมากๆ ขั้นแรก อาจเกิดอาการคัน เพราะผิวหนังแห้งธรรมดา ดังนั้นให้ลองพยายามทาครีม โลชั่นบำรุงผิวดูก่อน งดการอาบน้ำอุ่น งดการฟอกสบู่ ทุกชนิด โดยเฉพาะบริเวณที่ท่านเป็นผื่นคันมากๆ ควรรับประทานยาแก้คันแก้คัน (แอนติฮีสตามีน) เช่น คลอเฟนิรามีน ทาน 1 เม็ด 4 เวลา แต่ยาอาจทำให้ง่วงนอน ถ้าหากทำงานหรือขับขี่ยานพาหนะ ก็ใช้เป็นกลุ่มที่ไม่ง่วงนอน เช่น ลอราทาดีน, เซ็ทเทอริซีน, ฟิกโสเฟนาดีน วันละ 1 ครั้ง (สามารถหาซื้อได้ในร้านยาที่มีเภสัชกร) ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้นควรจะมาพบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังโดยตรง เพื่อการรักษาอย่างถูกวิธี

สูตรผิวสวยด้วยโยเกิร์ต

โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์จากนมที่อุดมไปด้วยวิตามิน ได้แก่ วิตามิน A, B1, B2, B3, B6, B12, วิตามิน D, วิตามิน E  อีกทั้งยังมี zinc, calcium , protein , yeast ถ้านำมารับประทานก็จะได้คุณค่าอาหาร โดยเฉพาะมีวิตามิน บีหลายชนิด ช่วยสร้างเม็ดโลหิตแดง มีกรดที่ช่วยในการดูดซึมโปรตีน แคลเซียม และเหล็ก เข้าสู่ร่างกาย  ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบการขับถ่าย


นอกจากนี้เมื่อนำโยเกิร์ตมาใช้กับผิวหน้า จะมีคุณสมบัติเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติ ช่วยบำรุงผิวพรรณ มี zinc ช่วยกระชับรูขุมขนและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น และหากนำโยเกิร์ตไปผสมกับผลไม้ต่างๆแล้วนำมาบำรุงผิวหน้า และลำตัว จะช่วยให้ได้ผลดียิ่งขึ้น วันนี้จึงมาแนะนำวิธีที่ทำให้มีสุขภาพผิวสวยด้วยโยเกิร์ต

อย่างง่ายๆ สามารถทำได้เป็นประจำ โดยวิธีการพอกหน้า เวลาว่างๆลองทำกันดู ผิวธรรมดาและผิวมัน

โยเกิร์ต                     1 ถ้วย เลือกชนิดรสจืดหรือธรรมดาแบบที่มีโยเกิร์ตล้วน ๆ
น้ำมะนาว                 1 ช้อนชา
น้ำส้ม                       1 ช้อนชา
น้ำแครอท                 1 ช้อนชา

เมื่อผสมทุกอย่างเข้ากันอย่างดีแล้ว นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อช่วยกระชับรูขุมขน ทำอย่างนี้เป็นประจำประมาณ 2-3 ครั้งต่อเดือน ก็จะได้ผิวหน้าที่นุ่มนวลและเปล่งปลั่งขึ้น สูตรนี้มีวิตามินซีและกรดผลไม้ (AHA)ในน้ำมะนาวและน้ำส้ม จะช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป และเบต้าแคโรทีนจากแครอทจะดูดซับสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าและยังช่วยลดริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียน ช่วยป้องกันรังสียูวี อีกด้วย

 ผิวธรรมดาและผิวแห้ง

โยเกิร์ต                     ¼ ถ้วย เลือกชนิดรสจืดหรือธรรมดาแบบที่มีโยเกิร์ตล้วน ๆ
น้ำผึ้ง                        1 ช้อนชา

คนให้เข้ากันแล้วทาให้ทั่วใบหน้า หรือทาลำคอด้วยก็ดีค่ะ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที หรือทิ้งไว้จนรู้สึกหน้าตึงๆ พอส่วนผสมที่ทาไว้แห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรนี้ผิวหน้าจะได้รับการบำรุงจากคุณค่าของน้ำนมจาก โยเกิร์ตทำให้ผิวหน้านุ่มขึ้น และน้ำผึ้งที่ช่วยกระชับรูขุมขน

 ส่วนสาวที่มีผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย ให้ใช้

โยเกิร์ต                     2 ช้อนโต๊ะ เลือกชนิดรสจืดหรือธรรมดาแบบที่มีโยเกิร์ตล้วน ๆ
ผลอโวคาโด              ½  ผล
กล้วยหอม                 ½  ผล
น้ำมันเวิท-เจอร์ม       1 ช้อนชา

สูตรนี้ส่วนผสมอาจจะหายากซักหน่อยนะคะ นำมาผสมรวมกันแล้วพอกหน้าไว้ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วตามด้วยน้ำเย็น ทำประมาณ 2-3 ครั้งต่อเดือน จะช่วยให้ผิวแห้งกลับมานุ่ม ไม่แห้งตึง

แต่ถ้ามีแต่โยเกิร์ตอย่างเดียวก็สามารถบำรุงผิวหน้าได้นะคะ โดยล้างหน้าให้สะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู แล้วใช้มือแตะโยเกิร์ตพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดหน้าเบาๆ พอกไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก หมั่นทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่ง ดูสดใส 

ถ้ามีโยเกิร์ตอยู่ที่บ้านลองทำกันดูได้ แต่ก่อนอื่นต้องทราบสภาพผิวหน้าของตัวเองก่อนเนื่องจากสภาพผิวของแต่ละคนต่างกัน และหมั่นดูแลสุขภาพผิวด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การรับประทานอาหารให้ครบหมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียดจนเกินไป ก็จะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ไม่เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้


·       แหล่งอ้างอิง

1.     เรื่อง อ่อนกว่าวัยด้วยการล้างสารพิษ  สืบค้นข้อมูลจาก :
หนังสือสุขภาพดี บุคลิกดี (19 กันยายน 2553)

2.     ผู้แต่ง สสส. สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ เรื่อง สุขภาพกับกลิ่นตัว สืบค้นข้อมูลจาก: www.thaihealth.or.th (19 กันยายน 2553)

3.     เรื่อง สูตรผิวสวยด้วยโยเกิร์ต สืบค้นข้อมูลจาก:
www.vcharkarn.com(19 กันยายน 2553)

4.     ผู้แต่ง thai clinic เรื่อง คนอ้วนกับผิวแตกลาย ,สุขภาพกับการนอน สืบค้นข้อมูลจาก:   http://www.thaiclinic.com/question_blackgroin.html(19 กันยายน 2553)

5.     ผู้แต่ง สบายอารมณ์ เรื่อง ตาคล้ำจากการนอนดึก สืบค้นข้อมูลจาก: http://www.sabaiarom.com/healthy_hair.html(19 กันยายน 2553)

6.     เรื่อง การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว , สุขภาพผิวกับฤดูหนาว สืบค้นข้อมูลจาก: www.vinegargirl.com(19 กันยายน 2553)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น